• 29 พ.ค. 2566 21:36:06
  • 216 views

เช็กลิสต์! เลือกซื้อบ้านยังไง คู่มือซื้อบ้านหลังแรกสำหรับมือใหม่

สำหรับใครที่อยากซื้อบ้าน อยากมีบ้านซักหลัง คอนโดในฝันซักห้อง ต้องมาดู วิธีเลือกซื้อบ้าน วิธีเลือกซื้อคอนโด ต้องดูอะไรบ้าง คู่มือการซื้อบ้านสำหรับมือใหม่ 

“บ้าน” ถือเป็นอสังหาริมทรัพย์ชิ้นใหญ่ ที่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ และเป็นสถานที่ที่ใช้อยู่อาศัย เป็นปัจจัยหลัก ๆ ในการดำรงชีวิต สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากซื้อบ้านเป็นของตัวเองซักหลัง ก็อาจจะไม่รู้ว่าควรจะมีเคล็ดลับในการซื้ออย่างไร ซื้อบ้านต้องดูอะไรบ้าง การซื้อบ้านสำหรับมือใหม่ หรือวิธีเลือกซื้อบ้าน ข้อควรรู้ ทริคเล็กน้อยที่ต้องดู ก่อนตัดสินใจ ก็แหม.. ถ้าจะลงทุนทั้งที ก็อยากได้ดี ๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะคะ เพราะซื้อทีนึงก็ต้องอาศัยอยู่ไปนาน ๆ มาดูคู่มือซื้อบ้านสำหรับมือใหม่กันดีกว่าค่ะ 

1. ดูงบประมาณ ประเมินรายจ่ายต่อเดือน
ก่อนอื่นเลย ต้องดูงบประมาณและความสามารถในการผ่อนบ้านก่อน เพราะถ้ามันเกินตัวเกินไป ก็อยู่ลำบาก และถ้ากู้ไม่ผ่านก็เสียเงินดาวน์ไปฟรี ๆ สิ่งที่ควรรู้สำหรับมือใหม่ คือ สินเชื่อ การผ่อนบ้าน และการกู้ซื้อบ้านค่ะ ถ้าจ่ายเงินสดเลย ก็อาจจะไม่มีปัญหานี้ แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ไม่ได้มีเงินสดขนาดนั้น อาจจะต้องไปกู้สินเชื่อบ้านที่ธนาคาร โดยปกติแล้ว การกู้ต้องอิงจากเงินเดือนของเรา ธนาคารจะปล่อยให้กู้ วงเงินและภาระหนี้สินไม่เกิน 30-40% ของรายได้ เช่น ถ้าบ้านราคา 2 ล้านบาท อาจจะต้องผ่อนบ้านเดือนละ 14,000 บาทต่อเดือน ถ้าหากมีเงินเดือน 20,000 บาท 30-40% ของรายได้เราคือ 8,000 บาท ฉะนั้น ถ้าจะผ่อนบ้าน 14,000 บาทต่อเดือน ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเกินกำลัง ต้องหาบ้านที่ราคาต่ำกว่านี้ หรือหารายได้เพิ่ม เพื่อที่จะซื้อบ้านในฝันได้ ไหนจะค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าประกัน ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำค่าไฟ ค่าต่อเติมบ้านต่าง ๆ ที่ต้องเตรียมเผื่อไว้ด้วย
2. เทียบโปรโมชั่นของแต่ละธนาคาร
ระหว่างที่เก็บเงินเพื่อจ่ายค่าดาวน์บ้าน 10% ของราคาบ้าน ก็ลองเทียบโปรโมชั่น หรือเทียบดอกเบี้ยเมื่อต้องกู้ซื้อบ้าน หรือกู้สินเชื่อบ้าน เพื่อผ่อนบ้านกับทางธนาคารดู ปกติแล้วทางธนาคารจะให้กู้สูงสุดในระยะผ่อนจ่ายไม่เกิน 30 ปี ถ้ายิ่งจ่ายน้อย ก็จะผ่อนนานขึ้น ดอกเบี้ยก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ดอกเบี้ยบ้านแพงมาก ๆ บางครั้งอาจจะต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงมากกว่าค่าบ้านด้วย การศึกษาและเทียบโปรโมชั่นของแต่ละธนาคาร จะทำให้ลดภาระในการจ่ายหนี้ลงไปได้นิดหน่อย แต่ถ้ากู้คนเดียวไม่ไหว ก็ลองไปปรึกษาทางธนาคาร และลองศึกษาวิธีการกู้ร่วม ที่เป็นอีกวิธีหนึ่ง เพื่อให้กู้สินเชื่อบ้านผ่านได้ง่าย ๆ ค่ะ นอกจากนั้นก็ต้องจัดการกับหนี้เก่า ๆ ของเราให้หมด ยกเลิกบัตรเครดิตที่ไม่ได้ใช้ เพื่อที่จะได้มีเงินเหลือ มีรายการเดินบัญชีสวย ๆ ย้อนหลัง 6 เดือน เตรียมไปยื่นกับทางธนาคาร ช่วยให้ทางธนาคารปล่อยกู้สินเชื่อบ้านกับเราได้ง่ายขึ้น จะได้กู้แบบผ่านฉลุย! ไม่ต้องมานั่งลุ้นให้ตื่นเต้นว่าจะกู้ผ่านหรือไม่ผ่านอีกด้วยค่ะ
3. เลือกบ้านจากไลฟ์สไตล์ หรือวัตถุประสงค์
การเลือกซื้อบ้าน หรือการเลือกซื้อคอนโด สิ่งที่สำคัญมาก ๆ อีกหนึ่งอย่างคือวัตถุประสงค์ หรือไลฟ์สไตล์ของคนในบ้าน อย่างเช่น อยู่คนเดียว อยู่กับครอบครัว ซื้อไว้อยู่เอง หรือซื้อไว้ขาย ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่ ซื้อคอนโดอาจจะไม่เหมาะ เพราะแคบ พื้นที่ใช้สอยน้อย หรือคอนโดบางแห่งห้ามเลี้ยงสัตว์ แต่เราเลี้ยงหมาตัวใหญ่ ถ้าไม่มีที่วิ่งเล่นสำหรับน้องหมา ก็อาจจะทำให้น้องหมาเครียดได้ เลือกจากจำนวนห้องนอน จำนวนห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอยในบ้าน หน้าบ้าน เลือกซื้อบ้านที่รูปแบบของบ้านตอบโจทย์ผู้สูงอายุในบ้าน หรือไม่มีดีไซน์ที่เป็นอันตรายต่อเด็ก เป็นต้น บางคนอาจจะเลือกจากส่วนกลาง เช่น มีสระว่ายน้ำ มีฟิตเนส มีสวนสาธารณะให้พักผ่อนหย่อนใจ บางคนอยากได้บ้านเดี่ยว เพราะจะได้ปลูกต้นไม้ได้เยอะ ๆ เลือกบ้านที่สามารถต่อเติมหรือตกแต่งได้ตามใจ ชอบบ้านที่บรรยากาศเงียบสงบ หรือบ้านอยู่แหล่งใกล้ชุมชน ถ้าเลือกซื้อคอนโด ก็จะมีรูปแบบของห้องที่หลากหลาย ทั้งห้อง Simplex ห้อง Loft ห้อง Duplex ที่มีรูปแบบแตกต่างกันไปตามไลฟ์สไตล์ และตามความสูงของเพดานห้อง ถ้าจะซื้อไว้ขายหรือเก็งกำไร อาจจะต้องแนวโน้มในการพัฒนาพื้นที่รอบ ๆ ในอนาคต อย่างเช่น การสร้างรถไฟฟ้า การสร้างโรงเรียน สร้างมหาวิทยาลัย คอมมูนิตี้มอล เป็นต้น
4. ดูทำเลให้ดี เลือกทิศที่ตั้งของหน้าบ้าน
ต่อจากไลฟ์สไตล์ ก็คงเป็นทำเลที่เหมาะสม อย่างเช่น ถ้าไม่มีรถส่วนตัว และที่ทำงานอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า อาจจะต้องเลือกซื้อบ้าน หรือซื้อคอนโดที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า เพื่อการเดินทางที่สะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเดินทางไปทำงาน แต่บางครั้งก็อาจจะต้องดูรีวิว หรือสถานที่จริงก่อน อย่าเชื่อคำโฆษณาที่บอกว่าติดสถานีรถไฟฟ้า แต่ต้องไปอ้อมไกล ๆ หรือไม่สามารถเดินไปได้ หรือเลือกบ้านในทำเลที่ติดกับตลาด ติดกับโรงเรียน เป็นแหล่งชุมชนที่มีครบครัน ทำให้ไม่ต้องเดินทางไปซื้อของไกล ๆ แต่ก็อาจจะแลกมากับการที่รถติด หรือการแออัดในช่วงบางเวลา และถ้าจะเลือกซื้อบ้านหรือคอนโด สิ่งที่ต้องดูอีกหนึ่งอย่างคือ ทิศที่ตั้งอยู่ตรงไหน ห้องนอนอยู่ทางทิศไหน ทิศตะวันออกตะวันตก ไม่ใช่เพื่อฮวงจุ้ยอะไร แต่เพื่อดูว่าแสงจะส่องไปทางไหน ถ้าส่องโดนตรง ๆ อาจจะทำให้ห้องร้อน และต้องใช้ไฟมากกว่าเดิมได้ และถ้าอยู่ตรงทางเข้าออก ก็อาจจะเสียงดังได้ เป็นต้น
5. สังเกตสิ่งแวดล้อมบริเวณบ้าน
การสังเกตสิ่งแวดล้อมบริเวณบ้าน ก็ทำให้เราสามารถรู้ได้ว่าเพื่อนบ้านของเรานั้นเป็นอย่างไรค่ะ เช่น เอาจอดรถมาจอดหน้าบ้าน ทั้ง ๆ ที่มีที่จอดรถไหม หรือข้างบ้าน ทิ้งขยะยังไง วางของแกะกะหน้าบ้านหรือเปล่า ปลูกต้นไม้ล้ำมาบ้านคนอื่นไหม ระบบรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิดบริเวณรอบ ๆ บ้าน บันไดหนีไฟ การออกแบบ หรือดีไซน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตอบโจทย์ในการใช้งาน สนามหญ้าบริเวณบ้าน โครงสร้างบ้านต่าง ๆ บริเวณภายนอก และควรจะมาสังเกต หรือมาดูบ้านมากกว่า 1 ครั้ง ทั้งตอนที่ฝนตก เพื่อดูว่ามีปัญหาน้ำรั่วไหม หรือตอนปกติ วันธรรมดาที่มีคน และวันที่คนอยู่เยอะที่สุด เพื่อเปรียบเทียบ และดูว่าบรรยากาศเป็นแบบที่ชอบไหม เพื่อความชัวร์ ก่อนจะตัดสินใจค่ะ
6. ดูความน่าเชื่อถือของโครงการ
การเลือกซื้อบ้านหรือการเลือกซื้อคอนโดนั้น บางครั้งจะมีการพรีเซล หรือการขายบ้าน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เสร็จ ราคาบ้านก็จะถูกลงกว่าการซื้อตอนที่บ้านเสร็จแล้ว หรือถ้าใครที่อยากเลือกซื้อบ้านหรือซื้อคอนโดซักห้อง ก็ควรจะดูไปถึงบริษัทที่สร้างว่าได้มาตรฐานหรือไม่ ควรเลือกโครงการที่น่าเชื่อถือ และมีความรับผิดชอบ เพราะถ้าเกิดปัญหาขึ้น ทางโครงการต้องรับผิดชอบให้เรา ยิ่งถ้าโครงการใหญ่ และมีชื่อเสียง ก็จะเสี่ยงน้อยกว่า เพราะทางโครงการไม่อยากเสียเครดิต หรือเสียความน่าเชื่อถือ โครงการบ้านที่น่าเชื่อถือ ในประเทศไทย ก็เช่น แสนสิริ, ศุภาลัย, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, พฤกษา เป็นต้น แต่ก็ควรจะดูรีวิวประกอบก่อนตัดสินใจด้วย ว่าแต่ละโครงการ นิติกรเป็นยังไง มีความรับผิดชอบแค่ไหน เพราะถึงจะเป็นโครงการที่น่าเชื่อถือ บางครั้งนิติกรช่วยเหลือไม่เต็มที่ หรือพูดจาไม่ดีก็มีเยอะ
7. ดูปริมาณที่จอดรถ
สำคัญมาก ๆ สำหรับคนที่มีรถ บ้านบางโครงการ สามารถจอดรถได้แค่คันเดียว และอีกคันต้องจอดหน้าบ้าน ทำให้ถนนแคบลงไปอีก หรือถ้าซื้อคอนโด ควรถามเอเจนซี่ หรือถามทางโครงการว่ามีปริมาณที่จอดรถเพียงพอไหม เพราะปกติแล้วคอนโดมักจะทำที่จอดรถ 40-50% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด อย่างเช่น คอนโด 1,000 ห้อง อาจจะมีที่จอดรถ 500 คัน ถ้าใครมีรถมากกว่า 2 คัน ก็ควรจะเลือกคอนโดที่มีปริมาณที่จอดเยอะ ๆ หน่อย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่จอดรถไม่พอทีหลัง เผื่อแขกที่จะมาเยี่ยมบ้านของเราด้วย หรือถ้าจะซื้อบ้าน บ้านที่เราจะซื้อ อาจจะต้องมีที่จอดรถเพียงพอต่อทุกคนในบ้าน จะได้ไม่ต้องไปหาที่จอดที่อื่น หรือจอดขวางหน้าบ้านคนอื่นให้มีปัญหาขัดแย้งกันทีหลัง บางครั้งการขัดแย้งกันก็อาจจะมาจากปัญหาเล็ก ๆ ที่เรามองไม่เห็นก็ได้ค่ะ
8. ถ้าเลือกซื้อบ้านมือสอง เช็คประวัติดี ๆ
ถ้าใครคิดว่าบ้านมือหนึ่งราคาสูงเกินไป และอาจจะไม่ตอบโจทย์สำหรับทุกคน บ้านมือสองก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีค่ะ แต่ก็ควรเช็คประวัติดี ๆ ว่าทำไมถึงขาย เพราะข้างบ้านมีปัญหา เสียงดังหรือเปล่า มีปัญหาน้ำท่วมมาก่อนไหม หรือมีปัญหาไฟฟ้าดับบ่อย น้ำประปาไม่ค่อยไหลให้รู้สึกหงุดหงิด กวนใจ จนต้องขายทิ้งแบบด่วน ๆ และในบ้านต่อเติมตรงไหนไปแล้วบ้าง ถ้ายังไม่ได้ต่อเติม สามารถต่อเติมหรือรีโนเวทใหม่ได้มากขนาดไหน ส่วนใครเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องวิญญาณ อันนี้ก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่เชื่อ ก็อย่าลบหลู่ ถ้าไม่อยากมีปัญหาจุกจิกกวนใจ ก็ควรจะเช็คดูให้ดี ๆ เพราะเรื่องแบบนี้ สำหรับคนที่สัมผัสได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อสุขภาพจิตแน่นอนค่ะ รายละเอียดต่าง ๆ ควรจะดูรีวิวประกอบ ถามคนขายหรือเอเจนซี่ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ อาจจะดูเป็นคนเรื่องมากนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าซื้อมาแล้วต้องปวดใจเพราะปัญหาจุกจิกทีหลังแน่นอนค่ะ แต่ถ้าเขาไม่ขาย ก็คิดซะว่าดวงเราไม่เหมาะกับบ้านหลังนั้น นอกจากคนเลือกบ้านแล้ว บ้านก็เลือกคนได้ด้วยนะ 
แนะนำว่าให้ใจเย็น ๆ ไม่ต้องรีบ การซื้อบ้านเนี่ย นอกจากจะเป็นการซื้อสินทรัพย์แล้ว ยังเป็นการลงทุนในอนาคตอีกด้วย ถ้าจะซื้อหรือลงทุนทั้งที ก็ต้องเลือกดี ๆ ไปเลย จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายเงิน หรือเสียความรู้สึกทีหลัง เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนทุกครั้ง จะได้ไม่เจ็บทีหลังนะจ๊ะ! 

https://www.wongnai.com/articles/house-buying-checklist

© 2021 well999.co.th All Rights Reserved